ข่าวสาร (บทความ) สร้างสรรค์ (ลำดับที่ 156) การบริหารงานในอาราม ตามหลัก “วัฒนมุข 6” โดย พระครูพิศาลธรรมจารี รศ.ดร.

  • 3 ปีที่แล้ว
  • pichainart1976

เรื่องราวแห่งความดีงาม ลำดับที่ 330/2564 สาระธรรมนิพนธ์ “พระธรรมทูตต้นแบบผู้มีคุณูปการต่อวัดไทยสุชาดา” เมื่อวันอังคาร ณ ธรรมสถาน วัดไทยสุชาดาธรรมจาริกสังฆวิหาร

--------------------

เมื่อเทศกาลงานออกพรรษา 2564 มาถึง อยากจะสรรสาระธรรมนิพนธ์ไว้เป็นอนุสรณ์สักเรื่อง พรรษานี้ข้าพเจ้าปฏิบัติศาสนกิจท่ามกลางบัณฑิตพระธรรมทูตผู้ทรงภูมิ ส่วนข้าพเจ้าเองมิได้จบพระธรรมทูต แต่อยู่ท่ามกลางพระธรรมทูตผู้เป็นศาสนทูต ในพรรษากาลนี้ นับว่าเป็นบุญบารมีที่จะได้ยกวาสนาของตัวเองให้เป็นพระธรรมทูต ด้วยการซึมซับ เรียนรู้ วัตรปฏิบัติอันดีงามของ “พระ” ผู้เป็น “ทูต” บางคราวจึงคิดหลงเลยเถิดไปว่าตัวเองเป็น “พระธรรมทูต” ไปด้วย

………………………………

การปฏิบัติศาสนกิจของคณะสงฆ์วัดไทยสุชาดาธรรมจาริกสังฆวิหาร เมือง Sun Valley California USA. ว่าด้วยการบริหารงาน บริหารบุคคล บริหารวิชาการ บริหารเงิน บริการเทคโนโลยี ล้วนเป็นการบริหารที่ต้องอาศัยความชำนาญ ความรู้ ความสามารถ รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง พลิกแพลงสถานการณ์ ปรับตัว เอื้อเฟื้อ อะลุ่มอล่วยซึ่งเป็นการบริหารเชิงกลยุทธ์ บริหารการเปลี่ยนแปลง และบริหารความขัดแย้ง ท่ามกลางสถานการณ์โลกาภิวัตน์ และโรคภัยโควิด

……………………………….

ในการบริหารกิจการของคณะสงฆ์ในอารามนี้ คึกคัก เข้มข้น เพราะพระสงฆ์ที่มาปฏิบัติศาสนกิจล้วนเป็น “พระธรรมทูต” ที่ผ่านการอบรมจากวิทยาลัยพระธรรมทูต ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หลักสูตรที่เข้มงวด เข้มข้นดุจเบ้าหลอมพระต้นแบบนักเผยแผ่ จนได้รับวิทยฐานะเป็น “พระธรรมทูตสายต่างประเทศ” รุ่นที่ 19 (พระอาจารย์สุวิทย์) รุ่นที่ 23 (พระอาจารย์ธนาธร) และรุ่นที่ 27 (พระครูนินัยธรบุณยกร) ทุกท่านล้วนเป็นพระธรรมทูตนักเผยแผ่ที่ทรงภูมิรู้ภูมิธรรม นำความร่มเย็นมาสู่อาราม มีความรู้ความสามารถ มีวิสัยทัศน์ จัดกิจกรรมครบทั้ง 4 ด้าน ตามหลัก “ธรรมจาริกสังฆวิหารโมเดล” กล่าวคือ เผยแผ่พระพุทธศาสนา ประสานและพัฒนาสังคม อบรม ธรรมะ และวิชาการ บริหารสัปปายะธรรมสถาน ตลอดพรรษากาลที่ผ่านมา เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า วัดไทยสุชาดาธรรมจาริกสังฆวิหาร ได้พระธรรมทูตที่มีความรู้ ความชำนาญ ในการประกาศาสนธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะอารามสะอาดตา พาประชาสะอาดใจ มีกิจกรรมต่างๆมากมาย หลากหลาย และดึงดูดคนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก นับเป็นบารมีธรรมของพระเดชพระคุณ พระธรรมทูต ทั้ง 3 รูป ที่สร้างและพัฒนาอารามแห่งนี้ ให้วัฒนาสถาพร เมื่อได้อยู่ใกล้ ได้สนทนา ได้เรียนรู้วัตรปฏิบัติ ความรู้ ความคิด ทักษะ เทคนิคสิธีการต่างๆ นับได้ว่าเป็น “ทัศนานุตริยะ”

………………………………..

อย่างไรก็ตามการบริหารงานในอารามนี้ ข้าพเจ้าได้พิจารณาหลักธรรม ตามหลัก “วัฒนมุข 6” หมายถึง ธรรมที่เป็นปากทางแห่งความเจริญ, ธรรมที่เป็นดุจประตูชัยอันจะเปิดออกไปให้ก้าวหน้าสู่ความเจริญงอกงามของชีวิต( channels of growth; gateway to progress)

       1. อาโรคยะ (ความไม่มีโรค, ความมีสุขภาพดี - good health) พระธรรมทูตที่มาปฏิบัติธรรม ปฏิบัติศาสนกิจ ณ ธรรมสถาน วัดไทยสุชาดาธรรมจาริกสังฆวิหาร เป็นผู้มีสุขภาวะทางกายดี ทางวาจา ใจดี และทางสังคมดี ทำให้งานในอารามนี้ไม่ติดขัด บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กรโดยรวม เราจะเห็นได้ว่า หากพระธรรมทูต ผู้เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ เป็นต้นแบบ ต้นบุญ มีสุขภาวะทางกายดี หมายถึง ลุยงานสนามได้ ไม่ออดแอด งอแง ทำงานวัตรปฏิบัติต่างๆ ได้ เป็นการออกกำลังกายทางหนึ่ง เป็นการสร้างสมานฉันท์สามัคคีสงฆ์ทางหนึ่ง ทางวาจาดี หมายถึง พูดดี พูดมงคล พูดภาษิต แสดงถึงภูมิของพระธรรมทูต พูดให้เกิดปัญญา นำพาสาธุชนพ้นทุกข์ และสุขภาวะทางใจดี หมายถึง สุขุม รอบคอบ เยือกเย็น ไม่วู่วาม ไม่หวั่นไหว คิดดี คิดงาม คิดถูกเป็นสัมมาทิฏฐิ ที่รวมความมาแบบนี้ เพราะการมีอโรคยะ คือสุขภาวะองค์รวม จักทำให้ทุกอย่างเกื้อกูลกัน

       2. ศีล (ความประพฤติดี มีวินัย ไม่ก่อเวรกัน ได้ฝึกในมรรยาทอันงาม - moral conduct and discipline) พระธรรมทูตที่มาปฏิบัติธรรม ปฏิบัติศาสนกิจ ทั้ง 3 รุ่น ถึงจะต่างรุ่น ต่างพรรษา ต่างความรู้ ต่างทักษะ ต่างประสบการณ์ แต่เป็นพระธรรมทูตนักเผยแผ่ที่มีอาจาระงดงาม มีวัตรปฏิบัติที่สมบูรณ์แบบ อาทิ เสนาสนะวัตร อารามสะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบเรียบร้อย อาคันตุกะวัตร การต้อนรับขับสู้ การเชื่อมสัมพันธไมตรี กับวัดต่างๆ สมาคมต่างๆ หน่วยงานต่างๆ ล้วนเป็นเลิศยิ่ง วัดไทยสุชาดาธรรมจาริกสังฆวิหาร จึงขยายตัวออกไปได้อย่างรวดเร็วในห้วงระยะเวลาอันสั้น วัจจกุฎีวัตร เป็นการทำความสะอาดห้องส้วม ห้องสุขา สำหรับบริการพระสงฆ์จากทิศทั้งสี่ และคณะอุบาสกอุบาสิกา คณะทำงาน คณะญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรม คณะพระธรรมทูตที่ปฏิบัติศาสนกิจ ณ วัดไทยสุชาดาฯ นี้ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่รู้วัตร มีวัตรอันงดงาม กุฏิ หอฉัน วิหาร ห้องน้ำ ห้องครัว ลานธรรมล้วนสะอาดสวยงาม สมตามหลักการที่ว่า อารามสะอาดตา พาประชาสะอาดใจ พัฒนาวัด พัฒนามนุษยชาติ รวมความว่า พระธรรมทูตทั้ง 3 รุ่น ในอารามวัดไทยสุชาดาฯ เป็นผู้มีศีล อาจาระงดงาม ทั้งทางกาย ทางวาจา ทางใจ ส่งผลให้อารามสวยงามเป็นระเบียบเป็นปกติอยู่เสมอๆๆ

       3. พุทธานุมัต (ศึกษาแนวทาง มองดูแบบอย่าง เข้าถึงความคิดของพุทธชนเหล่าคนผู้เป็นบัณฑิต - conformity or access to the ways of great, enlightened beings) ตลอดระยะเวลาของการสถาปนาวัดไทยสุชาดาฯ มีพระธรรมทูตที่มีความรู้ ความสามารถทรงภูมิชั้นสูง มีแนวทางการบริหารจัดการวัดไทยสุชาดา ให้เจริญรุ่งเรือง และสามารถเป็นต้นแบบของวัดต่างๆ ได้ รวมถึงวัตรปฏิบัติของพระธรรมทูตที่นี่ก็เป็นต้นแบบให้พระธรรมทูตจากวัดอื่นๆ รัฐอื่นๆ มาเยี่มและฝึกวัตรปฏิบัติได้ นอกจากนี้ เป็นแบบฉบับของการคิดงานเป็น ทำงานเป็น และแก้ปัญหาเป็น เป็นบัณฑิตที่มีแบบฉบับอันดีงาม

       4. สุตะ (ใฝ่เล่าเรียนหาความรู้ ฝึกตนให้เชี่ยวชาญและทันต่อเหตุการณ์ - much learning) ตลอดระยะเวลาของการปฏิบัติศาสนกิจทั่งในพรรษากาล ออกพรรษา พระธรรมทูตทั้ง 3 รุ่น ล้วนมีทักษะใฝ่เล่าเรียน เพียรศึกษาด้านต่างๆ มีความชำนาญในการเทศน์ การจัดสถานที่ นวกรรม การเขียนงานวิชาการ ทักษะถ่ายภาพ เขียนหนังสือ ออกแบบกราฟิก การประสานงาน ล้วนแล้วแต่เป็นงานที่เกื้อกูลพระศาสนาทั้งสิ้น

       5. ธรรมานุวัติ (ดำเนินชีวิตและกิจการงานโดยทางชอบธรรม - practice in accord with the Dhamma; following the law of righteousness) การมีส่วนร่วมในการกำหยดกิจวัตรประจำวันของคณะสงฆ์ในอาราม นับว่าเป็นการร่างธรรมนูญอันดีงามในอาราม เป็นธรรมานุวัติ ทั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอนในวันหนึ่งๆ เป็นวิถีชีวิตที่อาศัยธรรมนูญของอาราม อาทิ พร้อมเพรียงกันตื่นจำวัด พร้อมเพรียงกันฉันเช้า พร้อมเพรียงกันทำวัตรเช้าเจริญสติภาวนาสาธยายพระพุทธมนต์ พร้อมเพรียงกันร่วมปฏิบัติการพิเศษในแต่ละวัน พร้อมเพรียงกันฉันเพล พร้อมเพรียงการทำวัตรต่าง ๆ อาทิ เสนาสนะวัตร เป็นต้น พร้อมเพรียงกันทำวัตรเย็น พร้อมเพรียงกันประชุม และงานอื่นๆๆๆ

       6. อลีนตา (เพียรพยายามไม่ระย่อ, มีกำลังใจแข็งกล้า ไม่ท้อถอยเฉื่อยชา เพียรก้าวหน้าเรื่อยไป - unshrinking preseverance) ตลอดระยะเวลาในพรรษากาลที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า พระธรรมทูตทั้งรุ่นที่ 19 รุ่นที่ 23 และรุ่นที่ 27 ล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ตถาคตที่ไม่ระย่อ อดทนอดกลั้น ไม่เฉื่อยชา เพียรบำเพ็ญประโยชน์ต่อตนเอง ต่ออาราม ต่อสังคมอย่างไม่ลดละ จนทำให้อารามแห่งนี้สวยงามในพริบตา ข้าพเจ้าได้ซึมซับและเรียนรู้วัตรปฏิบัติจากคณะพระธรรมทูต และการได้คบค้าสมาคมกับพระธรรมทูตผู้เป็นบัณฑิต อันเป็นตัวแทนแห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งสมนามว่า “พระธรรมทูต” ผู้เป็นศาสนทูตในการประกาศธรรมะของพระพุทธเจ้าโดยแท้ นับว่าเป็นวาสนาของข้าพเจ้าที่จะได้ยกภูมิของตนให้เป็นพระธรรมทูตไปด้วยในคราวนี้

       อย่างไรก็ตาม ธรรม 6 ประการดังที่ข้าพเจ้าได้ยกอภิปรายมา สงเคราะห์ลงในพระธรรมทูตต้นแบบ ในชุดนี้ (พจนานุกรมพุทธศาสตร์ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์) ในบาลีเรียกว่า อัตถทวาร (ประตูแห่งประโยชน์, ประตูสู่จุดหมาย) หรือ อัตถประมุข (ปากทางสู่ประโยชน์, ต้นทางสู่จุดหมาย) และอรรถกถาอธิบายคำอัตถะ ว่า หมายถึง “วุฒิ” คือความเจริญ ซึ่งได้แก่ วัฒนะ ดังนั้นจึงอาจเรียกว่า วุฒิมุข หรือที่คนไทยรู้สึกคุ้นมากกว่าว่า วัฒนมุข ซึ่งข้าพเจ้าอภิปรายธรรมนิพนธ์ในงานพระธรรมทูตต้นแบบผู้มีคุณูปการต่อวัดไทยสุชาดาฯ ณ วัดไทยสุชาดาธรรมจาริกสังฆวิหาร ดังพรรณนามาแล้วนั้น

       อนึ่ง ในฝ่ายอกุศล มีหมวดธรรมรู้จักกันดีที่เรียกว่า อบายมุข 6 ซึ่งแปลว่า ปากทางแห่งความเสื่อม จึงอาจเรียกธรรมหมวดนี้ด้วยคำที่เป็นคู่ตรงข้ามว่า อายมุข 6 (ปากทางแห่งความเจริญ)

J.I.366 ขุ.ชา. 27/84/27 กราบขอบพระคุณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยที่สรรสร้างองค์กรทางพระศาสนา ผลิตบุคลากรคุณภาพ เพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้กับโลกอย่างไพศาล

อัลบั้มภาพ

`